May 14, 2021 SEO

5 ไอเดีย ทำแคมเปญบน Instagram ง่าย ๆ ที่กระตุ้นยอดขาย เพิ่ม Engagement ได้อย่างไม่น่าเชื่อ [วงการอาหารและเครื่องดื่ม]

by admin

Instagram เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์ม ที่ได้รับความนิยมมาก แบรนด์ส่วนใหญ่มักจะใช้โปรโมทสินค้าใหม่ ๆ หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ผ่านฟังก์ชันหลักแสนเรียบง่ายที่ให้แชร์รูปภาพและวิดีโอ โดยเฉพาะวงการอาหารและเครื่องดื่ม ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ภาพเพื่อกระตุ้นความอยากของผู้บริโภค 

ครั้งนี้ oRo จึงหยิบ Case studies ผลงานการสร้างแคมเปญดี ๆ บน Instagram ของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต่างประเทศ มาแชร์กัน เพื่อเป็นไอเดียในการทำการตลาด เพิ่มยอด Engagement หรือกระตุ้นยอดขายกันให้จุใจ ถ้าพร้อมแล้ว ไปชมกันเลย 

Case study 1 -  แคมเปญ Häagen Heart Hunting | แบรนด์ Haagen-Dazs ฝั่งญี่ปุ่น

เริ่มด้วยแบรนด์ไอศกรีมชื่อดัง Haagen-Dazs กับแคมเปญ Häagen Heart Hunting ที่หยิบลูกเล่นของผิวหน้าไอศกรีมตอนเปิดฝาถ้วย มาทำนายทายทักกับเรื่องความรักของผู้บริโภค

จากผลสำรวจแล้ว ผิวหน้าไอศกรีมที่ว่านี้ มีอยู่ด้วยกัน 11 แบบ เช่น
1) หน้า Kiss Heart ที่เป็นรูปคล้ายริมฝีปาก ซึ่งเปิดพบเพียง 2 ถ้วย จาก 1,000 กลุ่มตัวอย่าง ให้คำทำนายว่า คนที่เปิดเจอ กำลังจะมีความรักอันแสนโรแมนติกเข้ามาในชีวิต 
2) หน้า Tears Heart ที่มีรูปร่างคล้ายหยดน้ำตา แบ่งครึ่งตรงกลางหัวใจ ซึ่งเปิดพบได้ประมาณ 10.4% มีความหมายว่า อาจมีบางอย่างเข้ามาที่ส่งผลต่อจิตใจ จนถึงขั้นมีน้ำตาได้ เป็นต้น

Instagram เป็นสื่อที่เหมาะกับแคมเปญนี้มาก เพราะนักล่ารูปหัวใจทุกคน ต่างต้องการอวดภาพผิวหน้าไอศกรีมที่เปิดเจอกับเพื่อน ๆ ในโลกออนไลน์ของตน และการติด #Haagen Heart ก็ยิ่งช่วยแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้กับผู้ร่วมกิจกรรมคนอื่น ๆ นอกเหนือจาก follower ใน IG ของตัวเองได้อีกด้วย

แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จในการเพิ่มยอดขายเป็นอย่างมาก เพราะผู้คนพากันไปซื้อไอศกรีมมาลุ้นกันทุก ๆ สัปดาห์ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงที่ให้ความสนใจเรื่องการทำนายดวงชะตาและความรักเป็นพิเศษ ที่สำคัญคือ แคมเปญนี้ช่วยเปลี่ยนการเปิดฝาไอศกรีม แล้วทานเข้าไปเฉย ๆ ให้กลายมาเป็น Culture ใหม่ที่ใคร ๆ ก็ต้องคอยสังเกตรูปร่างผิวหน้าไอศกรีมก่อนทานเสมอ แถมยังแชร์ไปอวดเพื่อน ๆ ต่อ เพื่อสร้างความ Unique ไม่เหมือนใครให้กับตัวเองอีกด้วย 

Case study 2 - แคมเปญ #RedCupContest | แบรนด์ Starbucks ฝั่งอเมริกาและแคนาดา

จากข่าวดราม่าช่วงปี 2015 ที่ทางแบรนด์ Starbucks ต้องดีไซน์แก้วออกมาต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส แต่ดีไซน์ที่ออกมากลับเป็นเพียงถ้วยสีแดงเรียบ ๆ กับโล้โก้สีเขียวรูปนางเงือกตรงกลางเท่านั้น ทำให้เหล่าแฟน ๆ ผิดหวังกันถ้วนหน้า

แคมเปญ Red Cup Contest จึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อดึงแฟน ๆ ให้กลับมารักในตัวแบรนด์อีกครั้ง ด้วยการให้ผู้บริโภคนำถ้วยสีแดงโล้น ๆ ไป DIY สร้างลวดลายแห่งความสุขในแบบของตนเองต้อนรับคริสต์มาส เช่น วาดรถเลื่อนกับกวางเรนเดียร์ด้วยปากกาสีขาว หรือเอาไฟ LED ดวงเล็กมาพันรอบถ้วย

โดยทางแบรนด์เลือกใช้ Instagram เป็นพื้นที่ในการส่งผลงานเข้าประกวด ด้วยการให้ผู้ร่วมสนุกถ่ายภาพถ้วยที่ตัวเอง DIY ขึ้นมา พร้อมติดแฮชแท็ก #RedCupContest เพื่อลุ้นรับบัตรของขวัญจากสตาร์บัคส์

จนปัจจุบันแคมเปญ #RedCupContest ยังคงจัดขึ้นในเดือนธันวาคมของทุก ๆ ปี เพราะเสียงตอบรับจากลูกค้าเพิ่มขึ้นไปในทิศทางที่ดีมาโดยตลอด ทั้งเรื่องของยอดขายและในแง่ของการสร้าง UGC (User-generated Content) ภายใต้แฮชแท็ก #RedCupContest ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและการยอมรับ ทำให้ผู้บริโภคกลับมามี Brand Loyalty อีกครั้ง

Case study 3 -  แคมเปญ #dresseDD [Halloween]  | แบรนด์ DUNKIN'DONUTS

วันฮาโลวีน ถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลทองของธุรกิจขนมและเครื่องแต่งกาย เพราะผู้บริโภคต่างพากันมาจับจ่ายเพื่อไปจัดงานเฉลิมฉลอง ซึ่งแบรนด์โดนัทยอดนิยม อย่าง "Dunkin'Donuts" ก็ไม่ปล่อยโอกาสดี ๆ แบบนี้หลุดไป จึงปล่อยแคมเปญ #dresseDD ผ่าน Instagram โดยการจับขนบธรรมเนียมการแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจ ให้มาอยู่บนถ้วยกาแฟของ Dunkin'Donuts 

“เพียงแค่คุณจับถ้วย DD Coffee ขึ้นมา DIY ในธีม Halloween แล้วโพสต์รูปถ่าย พร้อมแท็ก @dunkindonuts และ #dresseDD ก็ร่วมลุ้นรับบัตรของขวัญมูลค่า $100 ได้เลย”

นอกจากกติกาง่าย ๆ และรางวัลมูลค่ากว่า $100 (ประมาณ 3,100 บาท) แคมเปญนี้ยังดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนยุค Millennials และ Gen Z ได้ไม่น้อย เพราะการ DIY ถ้วย DD Coffee ถือเป็นการรีไซเคิลและลดขยะ ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มักจะสนับสนุนแบรนด์ที่ห่วงใยสิ่งแวดล้อม สุดท้ายจึงนำมาสู่ความสำเร็จที่แบรนด์ได้ยอดขายแบบปัง ๆ พร้อมกับภาพลักษณ์ที่ดี ด้านการรับผิดชอบต่อสังคม 

หากกลุ่มเป้าหมายของคุณ คือ คนรุ่นใหม่ เช่น Millennials และ Gen Z ลองรับแนวคิดการทำเพื่อสังคมไปพิจารณาดูก็ไม่เสียหาย เพราะมันอาจจะกลายอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการเพิ่ม Engagement และสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ก็ได้

Case study 4 - แคมเปญ Gif Mac  | แบรนด์ MacDonald เปอร์โตริโก

McDonald's: Gif Mac

ด้วยกระแสฟีเจอร์เสริมอย่าง Stories ของ Instagram ที่ได้รับความนิยมจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของวัยรุ่น ทำให้ MacDonald เปอร์โตริโก เลือกใช้ GIF Sticker บนฟีเจอร์นี้ ในการทำโปรโมชั่น กระตุ้นยอดขาย กับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ที่อยู่ในช่วงอายุ 18 - 29 ปี 

แล้วแบรนด์เอาไปใช้ยังไงนะ?

แคมเปญ Gif Mac เป็นการชวนให้ชาว Instagram ทั้งหลายมาสร้าง Big Mac แสนอร่อยในแบบของตัวเอง ด้วย GIF Sticker สติกเกอร์ภาพเคลื่อนไหวที่สามารถ search หาได้ง่าย ๆ เมื่อโชว์ความครีเอทีฟกันเรียบร้อย ก็กดข้อความพิมพ์ #GifMac #ImLovinIt พร้อมแท็ก @mcdonaldspr บน Stories IG แล้วนำไปแลกเป็นคูปองรับ Big Mac ทานฟรี ๆ ได้ที่หน้าร้าน

ข้อดีที่เห็นได้ชัดของแคมเปญนี้เลยคือ แบรนด์ปรับเปลี่ยนการแจกโปรโมชั่นผ่านใบปลิว ซึ่งดูจะล้าสมัยไปแล้ว มาอยู่บนโลกออนไลน์ ที่ปัจจุบันได้รับความสนใจมากกว่า ด้วยการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย พร้อมกับจับกระแสเทรนด์ GIF Sticker มาเป็นตัวชูโรงของแคมเปญ ทำให้ได้ทั้งยอด engagement แล้วยังช่วยดึงคนบนโลกออนไลน์ไปยังหน้าร้านอีกด้วย

Case study 5 - แคมเปญเลือกตั้งนมถั่วเหลืองภาคฤดูร้อน |  แบรนด์ Kikkoman ญี่ปุ่น

Kikkoman เป็นผู้ผลิตสินค้าที่ทำมาจากถั่วเหลืองและซอสปรุงรสต่าง ๆ สัญชาติญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน หนึ่งในสินค้าที่นิยมกันมากที่สุด คือ นมถั่วเหลือง ซึ่งมีหลากหลายรสชาติ และล่าสุดในปี 2020 ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัว 2 รสชาติใหม่ ได้แก่ รสพุดดิ้งอัลมอนด์ และรสโซดา

โดยแบรนด์เริ่มออกมาแชร์สูตรการกินนมถั่วเหลืองแบบพิเศษ ผ่าน Instagram ว่า ทีมรสพุดดิ้งอัลมอนด์ ให้นำไปอุ่นแล้วใส่เจลาติน ก็จะได้เป็นพุดดิ้งอัลมอนด์แสนอร่อย ส่วนทีมรสโซดาให้นำไปแช่ช่องฟรีซ ก็จะได้แท่งหวานเย็นรสถั่วเหลืองโซดา

หลังจากเปิดตัวไปได้ไม่นาน แบรนด์ Kikkoman ก็ปล่อยแคมเปญ “เลือกตั้งนมถั่วเหลืองภาคฤดูร้อน คุณเป็นทีมพุดดิงหรือทีมไอศกรีม” มาแจกของรางวัล เช่น อุปกรณ์ทำพุดดิ้งและไอศกรีม เสื้อยืด ให้กับผู้เข้าร่วมจำนวน 100 คนไปใช้รับฤดูร้อน

ส่วนขั้นตอนการเข้าร่วมแคมเปญก็ง่าย ๆ ดังนี้

1.กดติดตาม IG แบรนด์ Kikkoman Soymilk
2.Repost หรือแชร์ Stories ว่าเลือกทีมไหน 
3.แท็ก IG @kikkoman_tounyu และ⁣ติดแฮชแท็ก #キッコーマン豆乳 ( #Kikkoman Soymilk) และเลือกระหว่าง
#豆乳アイス党 (#ทีมไอศกรีม) หรือ #豆乳プリン党 (#ทีมพุดดิ้ง) 

แน่นอนว่าแคมเปญง่าย ๆ จนแทบไม่ต้องใช้ความพยายามในการเข้าร่วมแบบนี้ได้ยอดขาย และยอด engagement จากผู้คนไปมากมาย ส่งผลให้แบรนด์ทำแคมเปญเลือกตั้งแบบนี้ออกมาบ่อย ๆ ที่สำคัญ นี่ยังถือเป็นการสำรวจตลาด Market research ไปในตัว ทำให้แบรนด์รู้ว่าลูกค้าชอบทานนมถั่วเหลืองในรูปแบบไหน หรือรสอะไรมากกว่ากัน เพื่อนำไปทำการตลาดและพัฒนาสินค้าชิ้นต่อไปอีกด้วย

การที่แบรนด์ดังต่าง ๆ ออกมาจัดแคมเปญที่น่าสนใจเหล่านี้บนแพลตฟอร์ม Instagram นั้นมาจากหลากหลายเหตุผล ทั้งเรื่องความเป็นที่นิยมของตัวแอปพลิเคชัน ฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เป็นกระแส ความจำเป็นที่ต้องใช้ภาพหรือวิดีโอในแคมเปญ รวมถึงเรื่องการเปิดรับสื่อของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่

เรียกได้ว่า Instagram เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เหล่า Marketer ไม่ควรมองข้าม เพราะจาก Case studies ที่เรานำมาให้ชมในวันนี้ ก็เห็นถึงประโยชน์และข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม engagement การเพิ่มยอดขาย และการสะท้อนตัวตนและภาพลักษณ์ของแบรนด์ เช่น การห่วงใยสิ่งแวดล้อม การมอบความสุข ความสนุกให้กับทุกคน หรือการเก็บข้อมูลทางการตลาดเพื่อเอาไปใช้พัฒนาสินค้าในภายภาคหน้า

หากคุณกำลังมองหาไอเดียสุดคูล ไม่เหมือนใคร ในการทำการตลาดบนช่องทางออนไลน์ oRo พร้อมให้คำปรึกษาฟรี ! ติดต่อเราที่ oRo Thailand หรือ โทร 097-257-5201

สาระน่ารู้เพิ่มเติม
เปิด Case studies เทรนด์แคมเปญการตลาดบน Twitter สุดครีเอทของชาวญี่ปุ่น !

แหล่งอ้างอิง
https://prtimes.jp/main/html/rd/p/000000025.000012760.html
https://note.com/kanakazu/n/n736f59ec3267
https://stories.starbucks.com/stories/2016/starbucks-invites-customers-to-create-red-cup-art/
https://blog.hubspot.com/marketing/best-user-generated-content-campaigns
https://www.adsoftheworld.com/media/digital/mcdonalds_gif_mac
https://www.socialpitt.com/posts/food-instagram-campaign